ทำไมต้องลงทุนทองคำสินทรัพย์ปลอดภัย- เมื่อเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ

เพราะฉะนั้นเหตุผลที่ควรลงทุนทองคำ มี 3 เรื่อง คือ

1. ให้ผลตอบแทนระยะยาว-เอาชนะเงินเฟ้อคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

เมื่อมองย้อนกลับไปในเดือนมกราคมปี 2514 – ธันวาคมปี 2565 ผลตอบแทนจากทองคำเฉลี่ย 7.78% ต่อปี สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาที่เฉลี่ย 3.70% ต่อปี และที่น่าสนใจไปกว่านั้นในปีที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทองคำให้ผลตอบแทนเป็นบวก ขณะที่ดัชนี S&P 500 ผลตอบแทนส่วนใหญ่ติดลบ

ทองคำได้พิสูจน์ถึงความสม่ำเสมอในสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจในช่วงภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้นักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ลงทุนที่อาจเหมาะสำหรับพอร์ตลงทุนที่สามารถรับความผันผวนได้สูง (High Risk, High Return)

2. ความปลอดภัยในช่วงวิกฤติ

สินทรัพย์แห่งความปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะในภาวะวิกฤติ งานวิจัยของศาสตราจารย์ Dirk Baur มหาวิทยาลัย Western Australia ได้ให้เหตุผลว่า ในช่วงที่โลกอยู่ในภาวะวิกฤติที่มีความผันผวนสูง นักลงทุนจะเลือกใช้ข้อมูลจากประสบการณ์ในอดีตที่นึกถึงได้ง่ายและเด่นชัดที่สุด เพื่อการตัดสินใจให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด ซึ่งภาพของทองคำที่เป็นสีเหลืองทองส่องสว่าง จับต้องได้จริง รวมทั้งประสบการณ์ที่ดีของทองคำในอดีตที่ถูกใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนอย่างแพร่หลายทั่วโลก หรือแม้แต่การที่ประเทศต่าง ๆ ยังคงเก็บและใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้นักลงทุนคิดเหมือน ๆ กันว่า ทองคำน่าจะเป็นสินทรัพย์แห่งความปลอดภัยได้ในภาวะวิกฤติ

เปิดแหล่งระดมทุนใหม่ EEC Fundraising Venue เทรดด้วยเงินดอลลาร์

เปิดคุณสมบัติล่าสุด ร้านก๊าซหุงต้ม เข้าโครงการรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ

3. สภาพคล่องสูงและรูปแบบการลงทุนหลากหลาย

ทองคำมีสภาพคล่องการซื้อขายสูง เพราะเป็นสินทรัพย์มีค่าเป็นที่ยอมรับในระดับสากล สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ในทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งมีตลาดหลักและตลาดรองในการซื้อขายแลกเปลี่ยน การที่ทองคำมีสภาพคล่องสูงช่วยให้นักลงทุนไม่ต้องกังวลที่จะลงทุนซื้อทองคำมาเก็บไว้ในครอบครองเพื่อแสวงหากำไร และหากต้องการถอนการลงทุนหรือนำออกขายเปลี่ยนเป็นเงินสด ก็สามารถทำได้ทันทีที่ต้องการ ขณะเดียวกันทองคำมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ทำให้นักลงทุนมีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้นและเพื่อให้เหมาะกับรูปแบบการลงทุนทองคำของตัวเอง

4.จัดกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุน

กลยุทธ์การลงทุนทองคำสำหรับนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาวมีความแตกต่างกัน โดยนักลงทุนระยะสั้นซึ่งเน้นการเก็งกำไร ควรมีการกำหนดจุดซื้อและจุดขายทองคำที่ชัดเจน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด เช่น หากราคาทองคำปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำกว่าต้นทุนมายังระดับราคาที่กำหนดไว้เพื่อขายตัดขาดทุน นักเก็งกำไรที่มีวินัยก็จะขายทองคำที่ราคาดังกล่าว เพื่อให้มีเงินลงทุนในการเก็งกำไรครั้งใหม่ต่อไป ดังนั้น ควรศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยให้ทราบจุดซื้อและจุดขายที่เหมาะสม

สำหรับนักลงทุนระยะยาว สามารถลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ซึ่งเป็นการซื้อทองคำแบบสม่ำเสมอทุกเดือนด้วยจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน เป็นการสร้างวินัยในการลงทุนและช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทองคำได้ โดยบทวิเคราะห์ของสภาทองคำโลก แนะนำว่าการมีทองคำในพอร์ตลงทุนประมาณ 5 – 10% ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุน เพราะราคาทองคำจะปรับสูงขึ้นหากผลตอบแทนของสินทรัพย์อื่นปรับลดลง เช่น เมื่อหุ้นปรับลดลง ราคาทองคำจะปรับขึ้น ก็จะช่วยลดผลขาดทุนของพอร์ตลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม สัดส่วนดังกล่าวสามารถปรับได้ตามความสามารถในการรับความเสี่ยง และเป้าหมายทางการเงินของตัวเองด้วย

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แหล่งประเทศไทย